สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไปเดินห้างกับภรรยาซื้อของเข้าบ้านกันตามประสา เรามองเห็นบูธรับบริจาคการกุศลขององค์กรดังแห่งหนึ่งมาแต่ไกลพลางชี้ชวนกันดูแล้วคุยกันเองว่า
“นี่ผมเพิ่งทำบุญซื้อคูปอง/สลากขององค์กรนี้ไปหมื่นนึงเมื่อวานนี้นะครับ บลา บลา บลา ”
“คุณอั๋นคุณจ๋าคะ ช่วยทำบุญ.....หน่อยสิค้าาา “
เสียงเจ้าหน้าที่อาวุโสตีโป่งที่หน้าลอยขาวเด่น ดูคล้ายรวยกว่าทุกคนตรงนั้นท่านนึงดังปราดลอยออกมา ทำให้ผมกับภริยาซึ่งกำลังเดินคุยสารพันเรื่องกันอยู่ขณะนั้นจึงได้ชะลอฝีเท้า และหันไปยิ้มแล้วพยักหน้าให้ โดยไม่ได้หยุดพูดคุยแต่อย่างใด โดยมีจุดหมายในใจคือการพาภรรยาไปฉี่โดยเร็วเป็นที่ตั้ง.
“รวยเสียเปล่า ใจดำจังเลยนะค้า”
นี่คือเสียงแว่วส่งท้ายที่สตรีผู้นั้น ส่งตามเรา....
ผมคิดว่าคุณจ๋าไม่น่าจะได้ยิน ผมเลยตัดสินใจปล่อยผ่านซะน่าจะดีกว่าเสียเวลาเสวนากับเรื่องเช่นนี้ในวันดีๆของเรา
ผมไม่ได้แม้แต่จะหันกลับไปมอง ไม่ได้รู้สึกว่าควรต้องกลับไปอธิบาย แต่เกิดความสับสนขึ้นในใจว่า
การที่คนบางคนคิดเอาเองว่าตนทำบุญเยอะกว่า ปฏิบัติเยอะกว่า เข้าวัดบ่อยกว่า ใส่ชุดขาว แสดงสัญลักษณ์บุคลิกว่าปล่อยวาง เข้าถึงธรรมกว่า มีตำแหน่งในองค์กรการกุศลใดๆพ่วงท้ายยาวเหยียดนั้น หาได้เป็นสิ่งบ่งชี้ใดๆเลยไม่ ถึงระดับจิตใจอันเป็นกุศลของคนคนนั้น กรุณาอย่ามองผู้อื่นด้วยความเหยียดเช่นนี้เลย
คิดดี ย่อมพูดดี และปฏิบัติดีเอง
การทำบุญนั้น มีไว้เพื่อให้เรารู้จักการให้ ไม่ใช่เพื่อยกระดับสังคมว่าใครให้มากน้อยกว่ากัน
และอย่าตัดสินคนที่ไม่ทำบุญให้คุณเห็น ว่าเป็นคนไม่ดี หรือดีไม่พอสำหรับมาตรฐานของคุณเลย
นะ........
อย่าหาว่าผมสอนเลย
หายใจเข้า และออก.... และผมแผ่เมตตาให้คุณร่มเย็นและมีปิยะวาจานะครับ